๐๐๘ | หนังสือกับกุญแจ
เหมือนหัวของฉันจะระเบิดออก
มันเต็มไปด้วยความจำที่อัดแน่นเกินขนาดที่ควรได้รับนั้น
ดึกแล้ว ฉันนั่งอยู่หน้าโต๊ะอ่านหนังสือ
พยายามอ่าน สิ่งที่ฉันไม่มีวันอ่านจบ
ปกสีเขียวใบตองกับตัวอักษรที่ทำจากใบหญ้าแห้งนั้นคอยล่องลอยผ่านสมองของฉัน
ผ่านตัวหนังสือที่พยายามอธิบายเรื่องภาคตัดกรวยแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ
ฉันอยากขว้างหนังสือที่เขียนสมการอันเข้าใจยากทั้งหลายออกทางหน้าต่างไปสู่สนามหญ้าที่แห้งกรังหน้าบ้าน
เพราะมันดูเหมือนไม่มีประโยชน์อะไรกับฉันเลย เพราะวันนี้ฉันรับอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว
มองเลยผ่านตัวเลขที่บอกเลขหน้า 169 นั้น
ฉันเห็นกองหนังสือเป็นตั้งๆ สังคมศึกษา ฟิสิกส์คำนวณ เคมีอินทรีย์ ชีววิทยา เซตและจำนวนจริง ...
ฉันโยนถุงขนมลงถังขยะที่อยู่ข้างโต๊ะนั่น
ฉันเบื่อเต็มทน
กระชากลิ้นชักเปิดออก หยิบเอาหนังสือปกสีเขียวใบตองออกมา
ฉันค่อยบรรจงลูบไล้หน้าปก ผ่านต้นหญ้าแห้งที่เรียงเป็นตัวอักษรในภาษาที่เขาอ่านไม่ออก
ค่อยๆใช้นิ้วที่มีเล็บมือยาวเฟื้อยเพราะยังไม่ได้ตัด พลิกหน้าแรกอย่างระมัดระวัง เขาเห็นหมึกสีเขียวที่เขียนด้วยภาษาเดียวกับที่เห็นบนหน้าปก พร้อมด้วยใบไม้แบบที่เขาไม่เคยเห็นติดหราอยู่ด้านล่างข้อความสีเขียวนั้น
ฉับพลัน เสียงของแม่ลอดผ่านช่องว่างระหว่างบานประตูไม้แกะสลัก ตะโกนสั่งให้ฉันนอนได้แล้ว
ฉันมองดูนาฬิกา ห้าทุ่มสิบห้านาที
ปิดหนังสือ ยัดใส่ลิ้นชักตามเดิม
ลุกจากเก้าอี้ที่นั่ง เดินไปที่เตียง
ฉันล้มตัวลงนอน และหลับไปเกือบจะพร้อมกับที่ผมของฉันกระทบถูกหมอนสีขาว
เสียงจ้อกแจ้กจอแจของเด็กนักเรียนดังกระหึ่ม ฉันนั่งครุ่นคิดโจทย์สุดหินข้อนั้นที่ฉันคิดไม่ออก ในขณะที่กระดาษที่ถูกขยำเป็นก้อนลอยผ่านหน้าฉันไป พร้อมกระทบหัวของเพื่อนของฉันคนหนึ่งที่ฉันรู้จักดี
เสียงระฆังดังขึ้น งานของฉันไม่เสร็จอีกแล้ว เพราะโจทย์ข้อนั้นแท้ๆ
ฉันไม่สนใจโจทย์ข้อนั้นอีกต่อไป โยนสมุดหนังสือและเครื่องเขียนเข้ากระเป๋า แล้วรีบเร่งเดินออกจากห้อง
ตอนนี้หนังสือเล่มนั้นจะยังอยู่ปลอดภัยหรือเปล่า
ตัวอักษรนั่นเป็นภาษาอะไร
แล้วทำไมมันถึงมาอยู่ในตู้ลับในห้องนอนของเขาได้
ข้อสงสัยเหล่านี้วนเวียนอยู่ในสมองของเขาราวกับปลาที่ว่ายอยู่ในอ่างน้ำ อ่างน้ำที่อัดแน่นไปด้วยสิ่งสกปรกมากมาย
แต่ปลาที่อยู่ในอ่างน้ำนั้นก็สิ้นใจตายเพราะขาดอากาศ ฉันผล็อยหลับไปด้วยเสียงอันเนิบนาบของอาจารย์ผู้สอนวิชาสังคม
ฉันยังจำวันแรกที่ฉันเห็นหนังสือเล่มนั้นได้
เมื่อฉันเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนใหม่ของเขา
ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรสักอย่างกระซิบบอก
"ลองคลำดูที่อิฐก้อนนั้นสิ ..."
ฉันทำตามเสียงกระซิบนั้นอย่างว่าง่าย
เหมือนกับมีมือที่มองไม่เห็นกระชากบานประตูตู้ที่กลมกลืนไปกับผนังอิฐนั้นออก
ฉันเห็นของสองสิ่งในนั้น
กุญแจขึ้นสนิม กับหนังสือเล่มนั้น
ฉันล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง
ควานหากุญแจดอกนั้น
เขาพบมัน ดึงมันขึ้นมาพิจารณาและลูบมันเบาๆอยู่ตรงหน้าระหว่างที่เดินข้ามตึกไปเรียนวิชาต่อไป
ไม่เห็นมีอะไร เขาคิด
ก้มหน้าก้มตาเดิน พร้อมกับพยายามยัดกุญแจดอกนั้นใส่ในกระเป๋าไว้
เงยหน้าขึ้น เขาเห็นกันชนสีเงินของรถคันใหญ่กำลังเลื่อนเข้ามาหาเขาด้วยความเร็วสูง
ราวกับว่าคนขับไม่เห็นเขายืนอยู่กระนั้น ความเร็วของรถไม่ได้ลดน้อยลงสักนิด
ฉันร้องตะโกนสุดเสียง
แต่ไม่สำเร็จ
กันชนนั้นพุ่งเข้ามาชนเขาอย่างแรง
มันเต็มไปด้วยความจำที่อัดแน่นเกินขนาดที่ควรได้รับนั้น
ดึกแล้ว ฉันนั่งอยู่หน้าโต๊ะอ่านหนังสือ
พยายามอ่าน สิ่งที่ฉันไม่มีวันอ่านจบ
ปกสีเขียวใบตองกับตัวอักษรที่ทำจากใบหญ้าแห้งนั้นคอยล่องลอยผ่านสมองของฉัน
ผ่านตัวหนังสือที่พยายามอธิบายเรื่องภาคตัดกรวยแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ
ฉันอยากขว้างหนังสือที่เขียนสมการอันเข้าใจยากทั้งหลายออกทางหน้าต่างไปสู่สนามหญ้าที่แห้งกรังหน้าบ้าน
เพราะมันดูเหมือนไม่มีประโยชน์อะไรกับฉันเลย เพราะวันนี้ฉันรับอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว
มองเลยผ่านตัวเลขที่บอกเลขหน้า 169 นั้น
ฉันเห็นกองหนังสือเป็นตั้งๆ สังคมศึกษา ฟิสิกส์คำนวณ เคมีอินทรีย์ ชีววิทยา เซตและจำนวนจริง ...
ฉันโยนถุงขนมลงถังขยะที่อยู่ข้างโต๊ะนั่น
ฉันเบื่อเต็มทน
กระชากลิ้นชักเปิดออก หยิบเอาหนังสือปกสีเขียวใบตองออกมา
ฉันค่อยบรรจงลูบไล้หน้าปก ผ่านต้นหญ้าแห้งที่เรียงเป็นตัวอักษรในภาษาที่เขาอ่านไม่ออก
ค่อยๆใช้นิ้วที่มีเล็บมือยาวเฟื้อยเพราะยังไม่ได้ตัด พลิกหน้าแรกอย่างระมัดระวัง เขาเห็นหมึกสีเขียวที่เขียนด้วยภาษาเดียวกับที่เห็นบนหน้าปก พร้อมด้วยใบไม้แบบที่เขาไม่เคยเห็นติดหราอยู่ด้านล่างข้อความสีเขียวนั้น
ฉับพลัน เสียงของแม่ลอดผ่านช่องว่างระหว่างบานประตูไม้แกะสลัก ตะโกนสั่งให้ฉันนอนได้แล้ว
ฉันมองดูนาฬิกา ห้าทุ่มสิบห้านาที
ปิดหนังสือ ยัดใส่ลิ้นชักตามเดิม
ลุกจากเก้าอี้ที่นั่ง เดินไปที่เตียง
ฉันล้มตัวลงนอน และหลับไปเกือบจะพร้อมกับที่ผมของฉันกระทบถูกหมอนสีขาว
เสียงจ้อกแจ้กจอแจของเด็กนักเรียนดังกระหึ่ม ฉันนั่งครุ่นคิดโจทย์สุดหินข้อนั้นที่ฉันคิดไม่ออก ในขณะที่กระดาษที่ถูกขยำเป็นก้อนลอยผ่านหน้าฉันไป พร้อมกระทบหัวของเพื่อนของฉันคนหนึ่งที่ฉันรู้จักดี
เสียงระฆังดังขึ้น งานของฉันไม่เสร็จอีกแล้ว เพราะโจทย์ข้อนั้นแท้ๆ
ฉันไม่สนใจโจทย์ข้อนั้นอีกต่อไป โยนสมุดหนังสือและเครื่องเขียนเข้ากระเป๋า แล้วรีบเร่งเดินออกจากห้อง
ตอนนี้หนังสือเล่มนั้นจะยังอยู่ปลอดภัยหรือเปล่า
ตัวอักษรนั่นเป็นภาษาอะไร
แล้วทำไมมันถึงมาอยู่ในตู้ลับในห้องนอนของเขาได้
ข้อสงสัยเหล่านี้วนเวียนอยู่ในสมองของเขาราวกับปลาที่ว่ายอยู่ในอ่างน้ำ อ่างน้ำที่อัดแน่นไปด้วยสิ่งสกปรกมากมาย
แต่ปลาที่อยู่ในอ่างน้ำนั้นก็สิ้นใจตายเพราะขาดอากาศ ฉันผล็อยหลับไปด้วยเสียงอันเนิบนาบของอาจารย์ผู้สอนวิชาสังคม
ฉันยังจำวันแรกที่ฉันเห็นหนังสือเล่มนั้นได้
เมื่อฉันเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนใหม่ของเขา
ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรสักอย่างกระซิบบอก
"ลองคลำดูที่อิฐก้อนนั้นสิ ..."
ฉันทำตามเสียงกระซิบนั้นอย่างว่าง่าย
เหมือนกับมีมือที่มองไม่เห็นกระชากบานประตูตู้ที่กลมกลืนไปกับผนังอิฐนั้นออก
ฉันเห็นของสองสิ่งในนั้น
กุญแจขึ้นสนิม กับหนังสือเล่มนั้น
ฉันล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง
ควานหากุญแจดอกนั้น
เขาพบมัน ดึงมันขึ้นมาพิจารณาและลูบมันเบาๆอยู่ตรงหน้าระหว่างที่เดินข้ามตึกไปเรียนวิชาต่อไป
ไม่เห็นมีอะไร เขาคิด
ก้มหน้าก้มตาเดิน พร้อมกับพยายามยัดกุญแจดอกนั้นใส่ในกระเป๋าไว้
เงยหน้าขึ้น เขาเห็นกันชนสีเงินของรถคันใหญ่กำลังเลื่อนเข้ามาหาเขาด้วยความเร็วสูง
ราวกับว่าคนขับไม่เห็นเขายืนอยู่กระนั้น ความเร็วของรถไม่ได้ลดน้อยลงสักนิด
ฉันร้องตะโกนสุดเสียง
แต่ไม่สำเร็จ
กันชนนั้นพุ่งเข้ามาชนเขาอย่างแรง
แต่ -- เอ้อ --