๐๑๐ | ข้างหน้าต่างและบนถนน

ฉัน
เป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง
ที่คนเกือบทุกคนมองข้าม
ราวกับว่าฉัน
ไม่ได้อยู่ตรงที่ฉันอยู่

กองหนังสือที่ตั้งอยู่นั่น
เป็นเพื่อนของฉันยามเวลาเหงา
ซึ่งช่วงเวลานั้นก็หมายถึงตลอดเวลานั่นแหละ
ฉันยิ้มให้กับมัน
พลางจรดปลายปากกาลงบนกระดาษ
คิดอยากจะมีหนังสือของตนเองสักเล่มบ้าง

ถ้อยคำที่ถ่ายทอดลงบนแผ่นกระดาษสีขาวเปล่าของเธอนั้น เต็มไปด้วยสัญญาณแห่งความสันโดดเดียวดาย
เหมือนกับว่าไม่มีใครเลยบนโลกใบนี้
เหมือนกับว่าเธอไม่เคยได้ยินเสียงใดๆบนโลกใบนี้
นอกเสียจากเสียงใบไม้ที่ไหวปลิว เสียงลมที่ซัดซ่า และแสงอาทิตย์ที่เจนจัด
กับธรรมชาติที่อยู่เป็นเพื่อนเธอ

ผมสังเกตเห็นความจริงของเธอมาได้เมื่อนานมากแล้ว
แววตาที่เศร้าสร้อยและโดดเดี่ยวที่ฉายออกมาจากแว่นตาหนานั้น
ทำให้ผมรู้สึกว่า เธอต้องบอกอะไรบางอย่างเกี่ยวกับหนังสือกับกุญแจนั่นได้แน่

ในเที่ยงวันพฤหัสบดีวันหนึ่ง ผมเห็นเธอนั่งอ่านหนังสืออยู่ใกล้กับหน้าต่างที่เปิดกว้าง เพื่อให้สายลม เสียงอันสดใส และดวงอาทิตย์ได้มีโอกาสกระทบต้องตัวเธอบ้าง
ผมเดินเข้าไปหาเธอ
"สวัสดี เธอชื่ออะไรหรือ"
"ฉัน -- ฉันหรือ ฉัน -- " เธออึกอัก เหมือนกับว่าเธอลืมวิธีพูดไปแล้ว
"เอาล่ะ เธอยังไม่ต้องบอกชื่อเธอของเธอตอนนี้ก็ได้ เรา -- ชื่อต้นกล้า" ผมได้ยินเสียงตัวเองลอดผ่านริมฝีปากที่แห้งผากออกมา
"ฉัน -- ฉันชื่อใบตอง -- " ในที่สุดเธอก็บังคับให้คำพูดเลื่อนผ่านลำคอผ่านริมฝีปากของเธอได้สำเร็จ
"ทำไมเธอไม่อยู่กับเพื่อนมั่งล่ะ" ผมถาม
"ฉันดีใจมากกว่า ถ้าฉันยืนด้วยขาของตนเองได้" เธอตอบกลับด้วยเสียงแผ่วเบา
ผมครุ่นคิด "แต่ถึงเธอจะยืนด้วยขาของตนเองได้ก็จริง แต่เธอก็ยืนได้ไม่มั่นคงนะ"
"ฉันพอใจของฉันอย่างนี้" เธอพูด ตวัดเสียงเล็กน้อย
"เอาเถอะ" ผมพูด "เราดีใจนะ ที่ได้รู้จักแล้วก็คุยกับเธอบ้าง"
เด็กหญิงไม่ตอบ หันหน้าไปทางหน้าต่าง ปล่อยให้สายลมที่อบอุ่นและดูมีพลังกระทบเข้ากับเรือนหน้าอันสวยงามแต่ดูหม่นหมองของเธอ

วันนี้วันศุกร์
ฉันรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น นับตั้งแต่เมื่อวาน
ตัวหนังสือที่ผ่านหน้าฉันไป ดูจะผ่านสมองของเธอไปเฉยๆ
ไม่เหมือนกับใบหน้าของเขาคนนั้น ที่วนเวียนอยู่ในจิตใจอย่างแจ่มชัด
เขาเป็นคนเดียวที่ฉันพูดคุยด้วยตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
ฉันเริ่มรู้สึกถึงความสุขของการที่มีเพื่อนมนุษย์อยู่ร่วมโลก และสัญญาณแห่งสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์เดียวกับเธอแล้ว

เวลากลางวัน เธอเดินอย่างอ้อยอิ่งไปยังโรงอาหาร
ขณะนั้นเอง เธอได้ยินเสียงรถสิบล้อชนกับอะไรบางอย่างเสียงดัง
คนที่อยู่ในบริเวณนั้นท่าทางตกใจและทำอะไรไม่ถูก
เธอวิ่งไปดู ด้วยขาที่อ่อนกำลัง
ราวกับที่เขาพูดไว้ไม่มีผิด

กันชนนั้นทำให้ผมเจ็บมาก
ผมไม่เห็นท้องฟ้า
ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น

เด็กหญิงฝ่าด่านคนที่มุงดูเข้าไป
แล้วพบว่าเป็นเขา
เขาคนนั้น คนที่พูดคุยกับเธอเมื่อวาน
เธอคุกเข่าลงข้างๆ ร้องไห้
เธอกำลังจะเสียคนๆเดียวที่มีค่าสำหรับเธอไป

ผมบังคับให้ตาลืมขึ้นด้วยความยากลำบาก
ผมเห็นใบหน้าของเด็กหญิงที่นั่งอยู่ข้างหน้าต่างเมื่อวาน
ด้วยอะไรสักอย่างที่ดลใจผมให้ทำเช่นนั้น เช่นเดียวกับที่ดลใจให้ผมจับที่อิฐก้อนนั้น
ผมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงอย่างอ่อนแรง
ดึงกุญแจสนิมเขรอะดอกนั้นขึ้นมา แล้วยื่นให้กับเด็กหญิงคนนั้น
ผมกระซิบ "เก็บเอาไว้ ... เก็บมันเอาไว้"
ผมรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่สัมผัสที่มือข้างนั้น
หรือมันเป็นมือแห่งมัจจุราชนะ
ทุกอย่างดำมืด
ผมสลบไป

เธอเห็นมือข้างนั้นที่เปื้อนเลือด
มือที่หยิบกุญแจดอกหนึ่งมาให้
เธอได้ยินคำกระซิบ
แล้วทำตามคำนั้น คำที่ออกมาจากปากเขา
เธอคิด ฉันจะร้องไห้ทำไม
แล้วเช็ดน้ำตาให้ตัวเอง
ลุกขึ้นมา และเดินจากไปในอิริยาบถเดียวกับที่เดินมา
หากแต่เธอรู้สึกว่า แต่ละก้าว ไม่มั่นคงดังเดิม
แจ่มๆ...นึกยังไงขยันเขียนเรื่องยาววะเนี่ย...
เอ่อ...ทำไม comment มันตัวใหญ่จังง่ะ...
อั่ก สลับตอนระหว่างเรื่องแจ่มครับเร่ >_<
(มาเม้นแว้วน่ะค่ะ คาหยานแต่งนิยายมั่กๆเยย)
เวร
เกลียดไออีจริงจริ๊ง

(ทำไมรึ สลับตอนแล้ว -- ?)
เมื่อ 13/2/49 18:45 โดย Blogger Zafire06  
เกลียดไออีเหมือนกัน ทำเว็บยากชะมัดเลยถ้าต้องมาคอยซัพพอตทั้งสองอันเนี่ย - -'

ว่าแต่เรื่องนี้สนุกดีนะ
การตัดไปตัดมาลงตัวว่ะเร่
ชอบ
Comment | Top