๐๑๙ | รสนิยมกับค่านิยม
ในสังคมอันโหดร้ายที่เราเดินท่อมๆดุ่มๆกันทุกวันนี้ (ถึงแม้ว่าบางคนอาจจะเดิน วิ่ง คลาน ไถ แถ หรืออะไรก็แล้วแต่ ช่างเขาเถอะครับ) มันมีกฎเกณฑ์ของมันอยู่มากมายครับ
จนไม่อาจแน่ใจได้ว่าหากเราไปเหยียบฝาท่อระบายน้ำแถวไนจีเรียแล้วจะผิดกฎหมายหรือไม่ (ที่เมืองไทยไม่ผิดครับ แต่คนส่วนใหญ่จะเลือกไม่เหยียบ เพราะบริเวณฝาท่อระบายน้ำเป็นพื้นที่สีแดงเข้ม)
ในเมื่อมีหลายสังคมก็ต้องมีหลายกฎเกณฑ์
เราแบ่งประเภทและเรียกชื่อกฎเกณฑ์แต่ละอย่างตามความเท่และลักษณะของมันครับ
หากมันเก๋ามาตั้งแต่รุ่นทวด คนส่วนใหญ่มักเรียกกฎเกณฑ์นี้ว่าจารีตประเพณี ห้ามเปลี่ยนนะว้อย ใครแก้ -- ตาย ! (แก้อะไร ? อ้อ แก้คำผิด ~)
และหากมันเก่าน้อยลงมาหน่อย เรามักจะเรียกมันว่าศีลธรรมจริยธรรม โอเค อันนี้ยังมีผ่อนปรน (ตอนนี้กางเกงเอวต่ำเรื่องธรรมดา)
และถ้าหากมันเพิ่งเกิดมาไม่นาน เราเรียกมันว่ากฎหมาย พอเปลี่ยนนายกกฎหมายก็อาจจะเปลี่ยนได้โดยง่าย
สุดท้ายคือค่านิยม ค่านิยมนี้ค่อยๆเลื่อนไปตามกาลเวลา ซึ่งมันเลื่อนไปเร็วกว่ากฎเกณฑ์ทั้งสามพอตัว และในไม่ช้า กฎเกณฑ์เกือบทั้งสามก็จะวิ่งมาทันค่านิยมเองนั่นแหละ
อะไรเป็นกลไกที่ทำให้มันหมุนล่ะ ?
มันก็คือคนไงครับ (อย่ามาเถียง เทพเจ้าไม่ได้ปั่นกฎเกณฑ์ แต่ปั่นบ -- เอ่อ --)
ค่านิยมใหม่ๆมักเกิดกับวัยรุ่นเสมอ
พอวัยรุ่นโตขึ้น ก็จะทำให้มันกลายเป็นกฎหมายโดยการใช้กันเกร่อ และจริยธรรมโดยการหักดิบ และประเพณีโดยการเลียนแบบของปถุชนคนรุ่นหลัง
แล้วรสนิยม ?
รสนิยมคือ -- ?
ใช่แล้วครับ รสนิยมก็คือความชอบส่วนบุคคลไงล่ะ
บางคนมีรสนิยมชอบฟังเพลงแร็ป อาร์แอนด์บี
บางคนมีรสนิยมชอบเลี้ยงหมาดำๆอ้วนๆตัวใหญ่ๆ
บางคนมีรสนิยมชอบทำแฟลชนับถอยหลังระเบิดเว็บ
บางคนมีรสนิยมชอบดูเว็บโป๊
และอีกหลายๆประการ
รสนิยมของคนแต่คน ส่วนใหญ่ถูกกลืนหายไปกับสังคมค่านิยมครับ
ถึงแม้คุณจะมีรสนิยมชอบเพลงสบายหู แต่สักวันคุณก็อาจจะเปลี่ยนไปชอบการที่มีศิลปินมาตะโกนใส่หูเล่น เพราะเพลงเหล่านั้นถูกเปิดกรอกหูเราบ่อยครั้ง
ถึงแม้คุณจะชอบอ่านนิยายวิทยาศาสตร์คลาสสิก แต่ตอนนี้แผงหนังสือโดนหนังสือที่หน้าปกทำให้คล้ายการ์ตูนญี่ปุ่น แต่ข้างในเป็นไทย (ยกเว้นชื่อตัวละครไว้บ้าง) และคนแต่งก็ไทย รวมทั้งยังชอบใช้ฟ๐นต์ไอ้แอนนนนนอีก สักวันหนึ่ง อาจจะไม่มีหนังสือประเภทใดให้อ่าน นอกจากหนังสือประเภทนี้ให้อ่านก็ได้
ถึงแม้รสนิยม (ผสมอีโก้) จะเข้มเท่าไหร่ อย่างไรก็ต้องถูกคลื่นซัดจนเจือจางครับ ยกเว้นว่าเจ้าของรสนิยมนั้นจะตายเสียก่อน
บางคนอาจเถียง แต่ผมขี้เกียจเถียงครับ แล้วก็ไม่มีโอกาสเถียงด้วย เพราะการบ้านเยอะฉิบ
ไปลองหัดเขียนแฟลชทำเว็บล่มดีกว่าครับ ~~
จนไม่อาจแน่ใจได้ว่าหากเราไปเหยียบฝาท่อระบายน้ำแถวไนจีเรียแล้วจะผิดกฎหมายหรือไม่ (ที่เมืองไทยไม่ผิดครับ แต่คนส่วนใหญ่จะเลือกไม่เหยียบ เพราะบริเวณฝาท่อระบายน้ำเป็นพื้นที่สีแดงเข้ม)
ในเมื่อมีหลายสังคมก็ต้องมีหลายกฎเกณฑ์
เราแบ่งประเภทและเรียกชื่อกฎเกณฑ์แต่ละอย่างตามความเท่และลักษณะของมันครับ
หากมันเก๋ามาตั้งแต่รุ่นทวด คนส่วนใหญ่มักเรียกกฎเกณฑ์นี้ว่าจารีตประเพณี ห้ามเปลี่ยนนะว้อย ใครแก้ -- ตาย ! (แก้อะไร ? อ้อ แก้คำผิด ~)
และหากมันเก่าน้อยลงมาหน่อย เรามักจะเรียกมันว่าศีลธรรมจริยธรรม โอเค อันนี้ยังมีผ่อนปรน (ตอนนี้กางเกงเอวต่ำเรื่องธรรมดา)
และถ้าหากมันเพิ่งเกิดมาไม่นาน เราเรียกมันว่ากฎหมาย พอเปลี่ยนนายกกฎหมายก็อาจจะเปลี่ยนได้โดยง่าย
สุดท้ายคือค่านิยม ค่านิยมนี้ค่อยๆเลื่อนไปตามกาลเวลา ซึ่งมันเลื่อนไปเร็วกว่ากฎเกณฑ์ทั้งสามพอตัว และในไม่ช้า กฎเกณฑ์เกือบทั้งสามก็จะวิ่งมาทันค่านิยมเองนั่นแหละ
อะไรเป็นกลไกที่ทำให้มันหมุนล่ะ ?
มันก็คือคนไงครับ (อย่ามาเถียง เทพเจ้าไม่ได้ปั่นกฎเกณฑ์ แต่ปั่นบ -- เอ่อ --)
ค่านิยมใหม่ๆมักเกิดกับวัยรุ่นเสมอ
พอวัยรุ่นโตขึ้น ก็จะทำให้มันกลายเป็นกฎหมายโดยการใช้กันเกร่อ และจริยธรรมโดยการหักดิบ และประเพณีโดยการเลียนแบบของปถุชนคนรุ่นหลัง
แล้วรสนิยม ?
รสนิยมคือ -- ?
ใช่แล้วครับ รสนิยมก็คือความชอบส่วนบุคคลไงล่ะ
บางคนมีรสนิยมชอบฟังเพลงแร็ป อาร์แอนด์บี
บางคนมีรสนิยมชอบเลี้ยงหมาดำๆอ้วนๆตัวใหญ่ๆ
บางคนมีรสนิยมชอบทำแฟลชนับถอยหลังระเบิดเว็บ
บางคนมีรสนิยมชอบดูเว็บโป๊
และอีกหลายๆประการ
รสนิยมของคนแต่คน ส่วนใหญ่ถูกกลืนหายไปกับสังคมค่านิยมครับ
ถึงแม้คุณจะมีรสนิยมชอบเพลงสบายหู แต่สักวันคุณก็อาจจะเปลี่ยนไปชอบการที่มีศิลปินมาตะโกนใส่หูเล่น เพราะเพลงเหล่านั้นถูกเปิดกรอกหูเราบ่อยครั้ง
ถึงแม้คุณจะชอบอ่านนิยายวิทยาศาสตร์คลาสสิก แต่ตอนนี้แผงหนังสือโดนหนังสือที่หน้าปกทำให้คล้ายการ์ตูนญี่ปุ่น แต่ข้างในเป็นไทย (ยกเว้นชื่อตัวละครไว้บ้าง) และคนแต่งก็ไทย รวมทั้งยังชอบใช้ฟ๐นต์ไอ้แอนนนนนอีก สักวันหนึ่ง อาจจะไม่มีหนังสือประเภทใดให้อ่าน นอกจากหนังสือประเภทนี้ให้อ่านก็ได้
ถึงแม้รสนิยม (ผสมอีโก้) จะเข้มเท่าไหร่ อย่างไรก็ต้องถูกคลื่นซัดจนเจือจางครับ ยกเว้นว่าเจ้าของรสนิยมนั้นจะตายเสียก่อน
บางคนอาจเถียง แต่ผมขี้เกียจเถียงครับ แล้วก็ไม่มีโอกาสเถียงด้วย เพราะการบ้านเยอะฉิบ
ไปลองหัดเขียนแฟลชทำเว็บล่มดีกว่าครับ ~~